เฟรดดี้ ครูเกอร์ ฆาตกรสยองที่ใครๆ ก็รู้จัก

คอหนังฆาตกรรมสยองขวัญถ้าเอ่ยถึงชื่อของ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แล้วล่ะก็ใครๆ ก็ต้องรู้จักตัวละครสุดโหดรายนี้ ที่จะมามอบความตายให้คุณในยามนิทรา เฟรดดี้ ครูเกอร์  เป็นตัวละครระดับตำนานโดยเขาโผล่ออกมาให้ทุกคนได้รู้จักกันในหนังเรื่อง A Nightmare on elm street ที่ต้องบอกเลยว่าโด่งดังเป็นอย่างมากในยุคสมัยนั้นเมื่อปี 1984 สำหรับคอหนังแนวนี้ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ๆ บางคนคงจะยังไม่รู้จักเขาใช่หรือไม่ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน

ประวัติของ เฟรดดี้ ครูเกอร์

เฟรดดี้ ครูเกอร์ มีอาชีพเป็นนักการภารโรงอยู่ที่โรงเรียน โดยภาพลักษณ์ของเขาที่ทุกคนจดจำก็จะใส่เสื้อลายดำแดง ใส่หมวกสีดำ อาวุธคู่กลายก็จะเป็นกรงเล็บอันแหลมคม มันมักที่จะทำการฆาตกรรมวัยรุ่นภายในโรงเรียนรวมถึงในเมืองนั้น จนชาวบ้านทำการสืบว่าเป็นใครกันนะที่โหดได้ขนาดนี้และรู้ว่าเป็น เฟรดดี้ จึงร่วมกันตามหาที่ซ่อนของมันและในที่สุดก็เจอ ชาวเมืองจึงพากันรุมจับมันไปเผาทั้งเป็น แต่นี่ก็เป็นแค่แผนของเฟรดดี้เพราะมันตั้งใจที่จะให้ชาวบ้านจับได้ตั้งแต่ทีแรกแล้วเพื่อที่จะโดนฆ่าตายจนเหลือแต่วิญญาณอันชั่วร้ายและกลายเป็นปีศาจแบบเต็มตัว (มีเรื่องเล่าต่อกันมาในภายหลังว่าเกิดจากการศึกษาวิชาความรู้ด้านมืดจึงทำให้เฟรดดี้รู้วิธีกลางร่างเป็นปีศาจได้)

เมื่อกายเนื้อมันตายแล้ว แต่ร่างปีศาจของมันเพิ่งเริ่มต้น มันกลับมายังเมืองเกิดของมันกลับมาพร้อมการเข้าฝันชาวเมืองเพื่อฆาตกรรม ถ้าเป้าหมายของมันโดนฆ่าตายในความฝันแล้วล่ะก็ในชีวิตจริงก็จะต้องตายด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้ชาวบ้านผวาอย่างหนักเพราะเมื่อใดที่ตัวเองนอนแล้วฝันนั่นหมายถึงว่าอาจจะต้องตายได้ แต่จะให้อดหลับอดนอนก็ตงจะยาก ดังนั้นทุกคนจึงลุกขึ้นสู้ แต่สู้ไปก็เหมือนเอาน้ำในแก้วไปดับไฟป่า เพราะในความฝันเฟรดดี้มันคือปีศาจที่เก่งแบบสุดๆ เลยล่ะ วิธีเดียวที่จะต่อสู้กับเจ้าปีศาจตนนี้ได้ก็คือเอามันออกมาจากความฝันของเราโดยในช่วงที่เราตื่นต้องกระโดดกอดมันหรือจับตัวมันให้หลุดออกมาให้ได้แล้วคุณจึงจะสามารถฆ่าไอ้ปีศาจร้ายได้ และแน่นอนเมื่อไหร่ที่มันออกมาจากความฝันมันจะอ่อนแอแบบเห็นได้ชัด จึงทำให้มันมักจะโดนฆ่าตายอยู่บ่อยๆ และเหตุผลเดียวที่ทำให้เฟรดดี้กลับมาได้ในทุกภาคของหนังนั่นก็คือความกลัวนั่นเอง ทุกครั้งที่ชาวเมืองเกิดอาการกลัวสิ่งที่ตามมาก็คือขุมกำเนิดในการก่อพลังงานขึ้นมาให้กับเฟรดดี้ในการคืนชีพ จริงๆ ก็มีช่วงเวลาที่คนในเมืองลืมเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ไปแล้ว แต่มันยังคงไว้ซึ่งความเลวไม่มีที่สิ้นสุดมันหลอกใช้เจสัน ให้ออกไปฆ่าคนแล้วทีนี้คนในเมืองจึงคิดว่าเป็นฝีมือของเจ้าเฟรดดี้แน่ๆ จึงเริ่มกลัวมัน และเมื่อมีความกลัวมันก็ได้เกิดใหม่อีกรอบ

บทของเฟรดดี้นั้นเหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ โรเบิร์ต อิงแลนด์ แสดงแต่เพียงผู้เดียวจริงๆ เพราะถ้าเป็นเขาแสดงแล้วล่ะก็ หนังจะทำเงินออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จแบบสุดๆไปเลยล่ะ จนกระทั่งปี 2010 โรเบิร์ต อิงแลนด์ ก็ไม่สามารถที่จะแสดงเป็นเฟรดดี้ทำให้กระแสของหนังเรื่องนี้ดรอปลงไปเยอะ แต่ก็มีภาคพิเศษออกมาให้ดูกันเรื่อยๆ อย่าง เฟรดดี้ vs เจสัน ที่กระแสดีอย่างมากมายสำหรับภาคพิเศษ ส่วนในอนาคตจะมีการนำตัวละครอย่างเฟรดดี้กลับมาอีกหรือไม่ก็ต้องมาคอยลุ้นกันอีกทีแล้วล่ะ

นางนาก ที่มาของความสยองขวัญในพระโขนง

ตำนานความรักของแม่นากแห่งพระโขนง ตั้งแต่จำความได้เราก็จะได้ยินเรื่องนี้มาตลอด มีการนำไปทำเป็นหนังและละครหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะรีเมคบ่อยแค่ไหนแม่นาก พระโขนงก็ยังขายได้อยู่เสมอ เนื่องจากเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจดึงดูดความรู้สึกคนได้ดี รวมไปถึงการที่คนไทยชอบในเรื่องลี้ลับด้วย จึงทำให้กระแสไม่ตกลงเลยแต่อย่างใด บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมารึป่าวหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่จะมีจริงๆน่ะเหรอเรื่องแบบนี้ ขอบอกตรงนี้เลยว่าเรื่องแม่นากพระโขนงนั้นเป็นเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้น

ประวัติความเป็นมา

ประวัติเริ่มแรกเลยก็คือเป็นคู่รักคู่หนึ่งที่ได้อาศัยอยู่แถวพระโขนง โดยทั้งคู่ได้รู้จักและครองรักกันมากันจนตกลงปลงใจเป็นคู่สามีภรรยา ฝ่ายชายชื่อว่านายมาก และฝ่ายหญิงมีชื่อว่านาก (เรื่องราวของทั้งคู่เกิดสมัยรัชกาลที่ 4 ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์) ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องราวปกติ แต่อยู่มาวันหนึ่งทางราชการก็ได้มีหนังสือมาถึงนายมากให้ไปเป็นทหารในเมืองบางกอก โดยนายมากก็ไม่ได้อยากที่จะไปสักเท่าไกร่แต่ก็ต้องจำใจเดินทางไปบางกอกทิ้งนางนากไว้คนเดียวในขณะที่มีการตั้งท้องอ่อนๆ อยู่คนเดียว

วันเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปจนในวันหนึ่งลูกก็ถึงกำหนดการคลอดลูก โดยสมัยนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะคลอดลูกโดยหมอตำแยตามพื้นที่ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กไม่กลับหัวจนทำให้คลอดลูกไม่ได้และตายทั้งกลม โดยศพของนางนากได้มีการประกอบพิธีตามศาสนาและได้ถูกฝังไว้ที่ท้ายวัดวัดมหาบุศย์ จนเมื่อฝ่ายชายนายมากได้ปลดประจำการออกมาก็ได้ตั้งใจจะกลับมาบ้านตามปกติ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้เลยคือเมียและลูกของเขาได้ตายไปเสียแล้ว แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือเขานั้นกลับมาเจอนางนากและลูกน้อยอยู่ที่บ้านของเขาและใช้ชีวิตตามปกติทุกวัน สิ่งเดียวที่ทำให้เขา งงงวยก็คือ ชาวบ้านบริเวณพระโขนงไม่ยอมคุยกับเขาเลย เวลาเจอหน้าเจอตาจากคนที่สนิทชิดเชื้อก็จะวิ่งหนีเขาไปอยู่เสมอ จนอยู่มาวันหนึ่งเขาไปเจอเพื่อนก็ทำการทักทาย และเพื่อนก็บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาพร้อมทั้งบอกว่าถ้าไม่เชื่อก็ลองมองลอดใต้หว่างขาดู และเขาก็ลองไปทำตามจนเห็นความจริงทั้งหมด เขานั้นเกิดอาการกลัวเป็นอย่างมากจนวิ่งหนีไปที่วัดและให้ทางวัดช่วย แต่ด้วยความเฮี้ยนและวิญญาณที่เต็มไปด้วยความรักก่อนที่จะตาย จึงทำให้วัดไม่สามารถทำอะไรได้

สุดท้ายชาวบ้านต้องไปตามหมอผีมือฉมังเวทย์ที่เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีวิชาแก่กล้าชื่อดังในเรื่องการปราบผีมาจับผีแม่นากถ่วงน้ำใส่ลงไปในหม้ออาคม แต่เหมือนดวงของแม่นากยังไม่ถึงคราวทำให้มีชาวบ้านตายายไปเจอหม้อแล้วนำขึ้นมาวิญญาณจึงหลุดลอดออกมาได้ และเฮี้ยนหนักกว่าเดิมไปตามฆ่าหมอผีจนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ต้องมาจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตนเอง และจับแม่นากผ่าตรงบริเวณหน้าผากพร้อมทั้งปลดปล่อยดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติในที่สุดก็ปิดฉากเรื่องตำนานแม่นากพระโขนงลงไป ในปัจจุบันก็ได้มีศาลแม่นากตั้งอยู่ที่ วัดมหาบุศย์ เขตสวนหลวง มีผู้คนจำนวนมากมักที่จะไปถวายสิ่งของต่างๆ พร้อมทั้งขอพร ขอโชคลาภ ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปมาแถวนั้นก็ลองไปดูได้

แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้านที่สุดความสยองขวัญ

หลายคนที่เป็นสายดูหนังที่ชื่นชอบหนังผีสยองขวัญ คงจะรู้จักกันดีอยู่แล้วกับแนวขนหัวลุกอย่างสุดโด่งดัง แอนนาเบลล์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวเป็นอย่างมากเรื่องราวของตุ๊กตาผี แอนนาเบล นั้นต้องบอกก่อนเลยว่ามีเค้าโครงเรื่องมาจากเรื่องจริงด้วยล่ะ แต่ก่อนอื่นเราจะพาทุกท่านไปรู้จัก แอนนาเบล ในบทบาทของภาพยนต์กันก่อนดีกว่า โดยแอนนาเบลปรากฏตัวครั้งแรกจากภาพยนต์แนวผีสยองขวัญอย่าง The Conjuringก่อนที่ในเวลาต่อมาจะได้มาเป็นตัวเอกเต็มตัวในปี 2014 จากภาพยนตร์เรื่อง Annabelle และก็แน่นอนหนังเรื่องแอนนาเบลแจ้งเกิดแบบเต็มตัว สาเหตุนี้เองจึงทำให้แฟนๆ เรียกร้องให้มีภาคสอง

จนในปี 2017 ภาคสองก็ออกมาตามคำเรียกร้อง ในชื่อเรื่องว่า Annabelle: Creation โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต่างๆ ก่อนภาค 1 นั้นเอง และอีกเช่นเคยสมการรอคอยจากแฟนๆ ทั่วโลก เพราะหนังภาคต่อนี้สามารถโกยเงินไปได้อย่างมหาศาลเรียกได้ว่ากำไรมหาศาลเลยทีเดียว  เมื่อกระแสออกมาขนาดนี้เลยมีคำถามจากแฟนหนังทั่วโลกว่า แอนนาเบล มีจริงหรือไม่ เห็นผู้กำกับได้ออกมาเผยว่าสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริง คำตอบก็คือเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของ แอนนาเบล ตัวจริงกันเลยดีกว่า

ประวัติแอนนาเบล

ตุ๊กตาผ้าที่แสนจะธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Raggedy Ann คือเค้าโครงที่เขานำไปทำเป็น แอนนาเบล ในหนัง โดยจริงๆแล้ว Raggedy Ann ก็ไม่ได้หน้าตาน่ากลัวแบบ แอนนาเบล ในหนังแต่อย่างใด โดยมีลัษณะภายนอกมีผมสีแดงๆ ใส่ชุดเอี๊ยมสีขาวปกติทั่วไป จุดเริ่มต้นของเรื่องราวก็คือ มีนักเรียนสาวคนหนึ่งที่เรียนพยาบาล โดยแม่ของเธอไปซื้อตุ๊กตาตัวหนึ่ง (ในช่วงปี 1970) จากร้านตุ๊กตาธรรมดาๆ ทั่วไปเพื่อนำมาเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอและเรื่องก็เกิดขึ้น

ขอบอกก่อนเลยว่านี่ก็คือเรื่องจริงๆ จากเหตุการณ์จริงที่ ดอนน่า ผู้เป็นเจ้าของตุ๊กตาได้ออกมาเปิดเผย ในช่วงแรกสิ่งที่ทำให้เขาเกิดความประหลาดใจก็คือเจ้าตุ๊กตา Raggedy Ann นั้นอยู่ไม่ค่อยสุข ไม่ค่อยเป็นที่เป็นทางเหมือนกับขยับตัวไปมาอยู่ตลอดเวลา บางวันก็ไปนั่งในห้องเอง บางวันก็โผล่มานอกห้อง บางวันก็ขยับจากจุดนั้นไปจุดนี้ จนทำให้เธอเกิดอาการกลัวเป็นอย่างมากเพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เธอเกิดอาการช็อคสุดๆ เลยก็คือมีวันหนึ่งอยู่ๆ ก็มีเลือดออกมาจากมือทั้งสองข้างของตุ๊กตา และตุ๊กตาตัวนั้นก็เริ่มโจมตีใส่ ลู แฟนของ แองจี้ บัดดี้ที่ ดอนนี่ อาศัยร่วมห้องด้วยกันนั่นเอง จากเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านี้เองพวกเขาจึงไปตามสองสามีภรรยาที่เป็นนักปราบผีอย่างวอร์เรน โดยพวกเขาเล่าว่าจริงๆ แล้วหอพักตรงนี้นั้นมีเด็กน้อยคนหนึ่งที่เคยเสียชีวิตตรงบริเวณนี้ โดยเด็กน้อยคนนั้นเธอมีชื่อว่า แอนนาเบลล์ ฮิกกินส์ เหมือนกับในหนังเป๊ะ (หนังน่าจะฟังเรื่องราวจากดอนนี่แล้วนำชื่อไปใช้) จนดอนนี่ได้ขอร้องว่าช่วยนำตุ๊กตาแอนนาเบลออกไปจากหอพักได้หรือไม่ เพราะพวกเขาไม่ไหวกันแล้ว และวอร์เรนยังเสริมอีกว่าจริงๆ แล้วเป้าหมายของผีก็คือจะเข้าสิงร่างจองดอนนี่นั่นล่ะ เมื่อทำพิธีหอพักเสร็จก็พาตุ๊กตาตัวนี้กลับไป แต่ระหว่างทาง ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดรถของพวกเขามีอาการเสียตลอดทาง เรียกได้ว่าเฮี้ยนจริงๆ จนเมื่อไปถึงบ้านของพวกเขาเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังไม่จบแค่นั้น เพราะในบางครั้งตุ๊กตาก็ลอยตัวได้ หายไปอยู่ตามจุดต่างๆ จึงสองสามีภรรยารีบไปตามบาทหลวงเข้ามาช่วยยับยั้ง แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกเมื่อรถของบาทหลวงเกิดอุบัติเหตุรุนแรงแต่โชคดีที่ไม่ตาย ดังนั้นสองสามีภรรยาวอร์เรนจึงต้องนำตู้กระจกมาขังไว้พร้อมทั้งติดไม้กางเขนตรงหน้าตู้ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูได้ที่พิพิธภัณฑ์วอร์เรนในเมืองคอนเน็กติคัต